ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันอาทิตย์ ที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๔๙
๑. อย่างไรเรียกว่า
สงฆ์ผู้พร้อมเพรียง และสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงนั้นสามารถ
ทำสังฆกรรมใดได้บ้าง ?
ทำสังฆกรรมใดได้บ้าง ?
๑. ภิกษุผู้อยู่ในสมานสังวาสสีมา
แปลว่าแดนมีสังวาสเสมอกัน เป็นแดนที่
กำหนดความพร้อมเพรียง มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ ปวารณา และ
สังฆกรรมร่วมกัน ทั้งหมดเข้าประชุมกันเป็นสงฆ์ หรือนำฉันทะของภิกษุ
ผู้ไม่มาเข้าประชุม เรียกว่า สงฆ์ผู้พร้อมเพรียง ฯ
กำหนดความพร้อมเพรียง มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ ปวารณา และ
สังฆกรรมร่วมกัน ทั้งหมดเข้าประชุมกันเป็นสงฆ์ หรือนำฉันทะของภิกษุ
ผู้ไม่มาเข้าประชุม เรียกว่า สงฆ์ผู้พร้อมเพรียง ฯ
สามารถทำสังฆกรรมทั้ง ๔
ประเภท มีอปโลกนกรรมเป็นต้นได้ ฯ
๒. ภิกษุที่เรียกในบาลีว่า ผู้เข้ากรรม
คือใคร ? และต้องประกอบด้วย
คุณสมบัติอย่างไร ?
คุณสมบัติอย่างไร ?
๒. คือภิกษุผู้เข้าในจำนวนสงฆ์ผู้ทำกรรมนั้นๆ ฯ
ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้
คือเป็นภิกษุปกติ ไม่ถูกสงฆ์ยกเสีย
จากหมู่ด้วยอุกเขปนียกรรม มีสังวาสเสมอด้วยสงฆ์ และเป็น
สมานสังวาสของกันและกัน ฯ
จากหมู่ด้วยอุกเขปนียกรรม มีสังวาสเสมอด้วยสงฆ์ และเป็น
สมานสังวาสของกันและกัน ฯ
๓. สังฆกรรมย่อมวิบัติเพราะเหตุไรบ้าง
? ภิกษุ ๓ รูป
ประชุมกันในสีมา
สวดปาฏิโมกข์ ชื่อว่าวิบัติเพราะเหตุไหน ?
สวดปาฏิโมกข์ ชื่อว่าวิบัติเพราะเหตุไหน ?
๓. สังฆกรรมย่อมวิบัติ (คือใช้ไม่ได้
แม้ทำแล้วก็ไม่เป็นอันทำ) เพราะ
เหตุ ๔ อย่าง คือ เพราะวัตถุบ้าง เพราะสีมาบ้าง เพราะปริสะบ้าง
เพราะกรรมวาจาบ้าง ฯ
เหตุ ๔ อย่าง คือ เพราะวัตถุบ้าง เพราะสีมาบ้าง เพราะปริสะบ้าง
เพราะกรรมวาจาบ้าง ฯ
ชื่อว่าวิบัติเพราะปริสะ ฯ
๔. กรานกฐิน
คืออะไร ? อธิบายพอเข้าใจ
๔. คือเมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในเดือนท้ายฤดูฝน
พอจะทำเป็นไตรจีวร
ผืนใดผืนหนึ่งได้ สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุผู้ได้รับ
ผ้านั้นเอาไปทำเป็นจีวรแล้วเสร็จในวันนั้นแล้วมาบอกแก่ภิกษุ ผู้ยกผ้านั้น
ให้เพื่ออนุโมทนา ภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนา ทั้งหมดนี้คือกรานกฐิน ฯ
ผืนใดผืนหนึ่งได้ สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุผู้ได้รับ
ผ้านั้นเอาไปทำเป็นจีวรแล้วเสร็จในวันนั้นแล้วมาบอกแก่ภิกษุ ผู้ยกผ้านั้น
ให้เพื่ออนุโมทนา ภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนา ทั้งหมดนี้คือกรานกฐิน ฯ
๕. ภิกษุ
๒ ฝ่ายก่อวิวาทเพราะปรารถนาดีก็มี เพราะปรารถนาเลวก็มี
อยากทราบว่าอย่างไรชื่อว่าก่อวิวาทเพราะปรารถนาดี อย่างไรชื่อว่าก่อวิวาท
เพราะปรารถนาเลว ?
อยากทราบว่าอย่างไรชื่อว่าก่อวิวาทเพราะปรารถนาดี อย่างไรชื่อว่าก่อวิวาท
เพราะปรารถนาเลว ?
๕. ผู้ใดตั้งวิวาทเพราะเห็นแก่พระธรรมวินัย
ผู้นั้นชื่อว่าทำด้วยปรารถนาดี
ผู้ใดตั้งวิวาทด้วยทิฐิมานะ แม้รู้ว่าผิดก็ขืนทำ ผู้นั้นชื่อว่าทำด้วยปรารถนาเลว ฯ
ผู้ใดตั้งวิวาทด้วยทิฐิมานะ แม้รู้ว่าผิดก็ขืนทำ ผู้นั้นชื่อว่าทำด้วยปรารถนาเลว ฯ
๖. ทิฏฐิสามัญญตา
ความเป็นผู้มีความเห็นร่วมกันกับส่วนใหญ่ ไม่ถือแต่
มติของตน เป็นธรรมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ภิกษุปฏิบัติอย่างไร
จึงจะรักษาธรรมนั้นได้ ?
มติของตน เป็นธรรมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ภิกษุปฏิบัติอย่างไร
จึงจะรักษาธรรมนั้นได้ ?
๖. ปฏิบัติอย่างนี้คือ เคารพในพระศาสดา
ในพระธรรมวินัย และเคารพ
ในสงฆ์ผู้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาพระธรรมวินัย สำคัญมติของสงฆ์นั้นว่า
เป็นเนตติอันตนควรเชื่อถือและทำตาม ผู้ปฏิบัติเช่นนี้ ย่อมรักษา
ทิฏฐิสามัญญตานั้นไว้ได้ ฯ
ในสงฆ์ผู้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาพระธรรมวินัย สำคัญมติของสงฆ์นั้นว่า
เป็นเนตติอันตนควรเชื่อถือและทำตาม ผู้ปฏิบัติเช่นนี้ ย่อมรักษา
ทิฏฐิสามัญญตานั้นไว้ได้ ฯ
๗. การทำกรรมมีตัชชนียกรรมเป็นต้นแก่ภิกษุหรือคฤหัสถ์
ควรปฏิบัติ
อย่างไรจึงจะไม่เป็นทางนำมาซึ่งความแตกสามัคคี ?
อย่างไรจึงจะไม่เป็นทางนำมาซึ่งความแตกสามัคคี ?
๗. พึงตั้งอยู่ในมัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณ กาลัญญุตา ความเป็น
ผู้รู้จักกาล ปุคคลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักบุคคล ดำริโดยรอบคอบแล้ว
จึงทำ ไม่พึงใช้อำนาจที่ประทานไว้ เป็นทางนำมาซึ่งความแตกสามัคคี
เช่น พวกภิกษุชาวโกสัมพีได้ทำมาแล้ว ฯ
ผู้รู้จักกาล ปุคคลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักบุคคล ดำริโดยรอบคอบแล้ว
จึงทำ ไม่พึงใช้อำนาจที่ประทานไว้ เป็นทางนำมาซึ่งความแตกสามัคคี
เช่น พวกภิกษุชาวโกสัมพีได้ทำมาแล้ว ฯ
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕
๘. ตามมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กำหนดองค์ประกอบ
มหาเถรสมาคมไว้อย่างไร ?
มหาเถรสมาคมไว้อย่างไร ?
๘. กำหนดไว้ดังนี้
สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดย
ตำแหน่ง
สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป
เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
และพระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง มีจำนวน
ไม่เกิน ๑๒ รูป
เป็นกรรมการ ฯ
๙. พระภิกษุจะต้องรับนิคหกรรมเมื่อทำผิดเช่นไร
? และผู้ได้รับนิคหกรรม
ให้สึก ต้องสึกภายในเวลาเท่าไร ?
ให้สึก ต้องสึกภายในเวลาเท่าไร ?
๙. เมื่อกระทำการล่วงละเมิดพระธรรมวินัย
และนิคหกรรมที่จะลงโทษแก่ ภิกษุนั้น
จะต้องเป็นนิคหกรรมตามพระธรรมวินัย ฯ
ต้องสึกภายใน
๒๔ ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ได้ทราบคำวินิจฉัยนั้น ฯ
๑๐. พระภิกษุจะไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งเลยได้หรือไม่
?
อ้างมาตราประกอบด้วย
๑๐. ไม่ได้ ฯ
ตามมาตรา ๒๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ๒๕๐๕ แก้ไข
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ ฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ ฯ
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น