วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2547


ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
.. ๒๕๔๗

   .  วิมุตติ คืออะไร ?  ตทังควิมุตติ มีอธิบายอย่างไร ?
   .  คือ ความทำจิตใจให้หลุดพ้นจากกิเลสาสวะ ฯ
        มีอธิบายว่า  ความพ้นจากกิเลสได้ชั่วคราว  เช่นเกิดเหตุเป็นที่ตั้งแห่งสังเวชขึ้น
        หายกำหนัดในกาม  เกิดเมตตาขึ้น หายโกรธ  แต่ความกำหนัดและความโกรธนั้น
        ไม่หายทีเดียว ทำในใจถึงอารมณ์งาม ความกำหนัดกลับเกิดขึ้นอีก  ทำในใจถึงวัตถุ
        แห่งอาฆาต ความโกรธกลับเกิดขึ้นอีก  อย่างนี้จัดเป็นตทังควิมุตติ ฯ
   .  สังขารทั้งหลายไม่เป็นอนัตตาหรือ เพราะเหตุไรในธรรมนิยามจึงใช้คำว่า ธรรมทั้งหลาย
        เป็นอนัตตา
?  จงอธิบาย
   .  สังขารทั้งหลายก็เป็นอนัตตา  แต่ที่ใช้คำว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา นั้น เพราะ
        ธรรมนั้นหมายเอาธรรมคือสังขตธรรมและอสังขตธรรม สังขตธรรมได้แก่สังขารนั่นเอง
        อสังขตธรรมได้แก่วิสังขารคือพระนิพพาน ฯ
   .  ความรู้ชั้นวิปัสสนาภาวนา หมายถึงความรู้อย่างไร ?
   .  หมายถึง ความรู้เท่าทันสภาวธรรมตามความเป็นจริง  เห็นอาการแห่งสภาวธรรม
        โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ซึ่งเรียกว่าสามัญญลักษณะ ฯ
   .  ภิกษุผู้ได้รับการสรรเสริญว่าดำรงอยู่ในอริยวงศ์ เพราะเป็นผู้ปฏิบัติอย่างไร ? เมื่อ
        ดำรงอยู่ในอริยวงศ์ถูกต้องดีแล้วจะได้รับผลอย่างไร ?
   .  เพราะเป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะตามมีตามได้ และยินดีในการเจริญ
        กุศลและในการละอกุศล  ไม่ยกตนข่มผู้อื่น ขยัน ไม่เกียจคร้าน มีสัมปชัญญะ มีสติ ฯ
        ย่อมได้รับผลคือความสุขใจและปลอดโปร่งใจเพราะความประพฤติดีปฏิบัติชอบของตน
        และไม่ต้องเดือดร้อนใจเพราะความเดือดร้อนเนื่องด้วยการแสวงหาไม่สมควรและ
        ประพฤติเสียหายโดยประการต่างๆ ย่อมครอบงำความยินดีและความไม่ยินดีเสียได้  
        ความยินดีและความไม่ยินดีก็ไม่อาจครอบงำท่านได้ และใครๆ ก็ไม่อาจติเตียนท่านได้ ฯ
   .  วิญญาณกับสัญญา ทำหน้าที่ต่างกันอย่างไร ?
   .  ทำหน้าที่ต่างกันอย่างนี้คือ วิญญาณทำหน้าที่รู้แจ้งอารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่ออายตนะภายใน
       
และอายตนะภายนอกมากระทบกัน เช่น เมื่อรูปมากระทบตา เกิดการเห็นขึ้นเป็นต้น 
        ส่วนสัญญา ทำหน้าที่จำได้หมายรู้เท่านั้น คือหมายรู้ไว้ซึ่งรูป เสียง กลิ่น รส
        โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ว่า เขียว ขาว ดำ แดง ดัง เบาเป็นต้น ฯ
   .  พระธรรมคุณบทว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
        ดีแล้ว  ที่ว่า ดีแล้ว นั้นมีอธิบายอย่างไร
?
   .  มีอธิบายอย่างนี้คือ ดีทั้งในส่วนปริยัติและดีทั้งในส่วนปฏิเวธ  ในส่วนปริยัติ ได้ชื่อว่าดี
        เพราะตรัสไม่วิปริต เพราะแสดงข้อปฏิบัติโดยลำดับกัน มีความไพเราะในเบื้องต้น
        ท่ามกลาง ที่สุด มีทั้งอรรถทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง และเพราะประกาศ
        พรหมจรรย์อย่างนั้น
  ส่วนในปฏิเวธนั้น ได้ชื่อว่าดี เพราะปฏิปทากับพระนิพพาน
        ย่อมสมควรแก่กันและกัน ฯ
   .  อายตนะภายใน อายตนะภายนอกเป็นต้น ได้ชื่อว่า ปิยรูป สาตรูป เพราะเหตุไร ? 
        โดยตรง เป็นที่เกิดเป็นที่ดับแห่งกิเลสอะไร
?
   .  เพราะเป็นสภาวะที่รักที่ชื่นใจ ด้วยเพ่งอิฏฐารมณ์เป็นที่ตั้ง ฯ  เป็นที่เกิด เป็นที่ดับ
        แห่งตัณหา ฯ
   .  อริยบุคคล ๘ ได้แก่ใครบ้าง ?  จัดเข้าในพระเสขะและพระอเสขะได้อย่างไร ?
   .  ได้แก่ พระผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค ๑
               พระผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ๑
               พระผู้ตั้งอยู่ในสกทาคามิมรรค ๑
               พระผู้ตั้งอยู่ในสกทาคามิผล ๑
               พระผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิมรรค ๑
               พระผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิผล ๑
               พระผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตมรรค ๑
               พระผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตผล ๑ 
        จัดเข้าได้อย่างนี้  อริยบุคคล ๗ ประเภทแรก เรียกว่า พระเสขะ   อริยบุคคล ๑
        ประเภทหลัง เรียกว่า พระอเสขะ ฯ
   .  อัตตกิลมถานุโยค กับ การบำเพ็ญธุดงควัตร ต่างกันอย่างไร ?  เตจีวริกังคธุดงค์
        หมายความว่าอย่างไร
?
   .  ต่างกันอย่างนี้  อัตตกิลมถานุโยค การทรมานตนให้ลำบากเพื่อให้บาปกรรมหมดไป
        เพราะการทรมานนั้น หรือเพื่อบูชาพระเจ้า ซึ่งเมื่อทราบแล้วจะทรงโปรดให้ประสบผล
        ที่น่าปรารถนา ส่วนการบำเพ็ญธุดงควัตร บัญญัติขึ้นเพื่อจะให้เป็นอุบายขัดเกลากิเลส
       
และเป็นไปเพื่อความมักน้อยสันโดษ ฯ
        เตจีวริกังคธุดงค์ หมายถึง ธุดงค์ของภิกษุผู้ถือเตจีวริกังคะ ย่อมไม่ใช้จีวรผืนที่ ๔
        นุ่งห่มเฉพาะไตรจีวรอันเป็นผ้าอธิษฐาน ฯ
๑๐.  คำว่า ทิพพจักษุ คือ ตาทิพย์ ในนิทเทสแห่งวิชชา ๓  หมายถึงเห็นอย่างไร ?
๑๐.  หมายถึง การเห็นเหล่าสัตว์ที่กำลังจุติ กำลังเกิด เลว ดี มีผิวพรรณงาม มีผิวพรรณ
        ไม่งาม ได้ดี ตกยาก รู้ชัดว่าเหล่าสัตว์เป็นไปตามกรรม ฯ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น