ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓
สังฆกรรม
กับวินัยกรรม มีก ำหนดบุคคลและสถานที่ต่างก เหมือนกันอย่างไร ?
ต่างกันดังนี้ สังฆกรรม
ต้องประชุมสงฆ์ครบองค์ตามก ำหนดแห่งก ต้องท ำในสีมา เว้นไว้แต่อปโลกนกรรม ท
ำนอกสีมาก็ได้ ส่วนวิ ไม่ต้องประชุมสงฆ์ และท ำนอกสีมาก็ได้ ฯ
นิมิตที่อยู่รอบโรงอุโบสถ มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร ? จงเขียนค
ทิศตะวันตกเฉียงใต้มาดู ?
มีไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายก ำหนดเขตการท ำสังฆกรรม ฯ
ทกฺขิณาย
อนุทิสายกึ นิมิตฺตํ ฯ
จงอธิบายความหมายของวิสุงคามสีมา และสัตตัพภันตรสีมา
วิสุงคามสีมา
หมายถึงเขตแห่งสามัคคีที่สงฆ์ได้รับพระราชทาน ราชานุญาตยกให้เป็นแผนกหนึ่งจากบ้าน
ฯ สัตตัพภันตรสีมา หมาย แห่งสามัคคีในป่าหาคนตั้งบ้านเรือนไม่ได้ชั่ว ๗ อัพภันดร
โดยรอบ นับแต่ที่สุดแห่งสงฆ์ออกไป ฯ
เป็นญัตติทุติยกรรม ฯ
การรับกฐิน การอปโลกน์เพื่อให้ผ้ากฐิน และการกรานกฐินทำในสีมาหรือ
นอกสีมาก็ได้ การสวดญัตติทุติยกรรมวาจาให้ผ้ากฐิน ต้องท ำในสีมา
บุรพกิจที่พึงทเป็นเบื้องต้นก่อนแต่อุปสมบท ำ คืออะไรบ้าง ? ใน เหล่านั้น
กิจที่ต้องท ำเป็นการสงฆ์ มีอะไรบ้าง ?
คือ ให้บรรพชา ขอนิสสัย ถืออุปัชฌายะ
ขนานชื่อมคธแห่งอุปสัมปท และบอกนามอุปัชฌายะ บอกบาตรจีวร
สั่งให้อุปสัมปทาเปกขะออกไปย ข้างนอก สมมติภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้ซักซ้อมอุปสัมปทาเปกขะถึงอั
เรียกอุปสัมปทาเปกขะเข้าในสงฆ์ ให้ขออุปสมบท สมมติภิกษุรู
สอบถามอุปสัมปทาเปกขะถึงอันตรายิกธรรมในสงฆ์ ฯ
มี
สมมติภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้ซักซ้อมอุปสัมปทาเปกขะถึงอันตราย
อุปสัมปทาเปกขะเข้าในสงฆ์ สมมติภิกษุรูปหนึ่งสอบถามอุปสัมปท
ถึงอันตรายิกธรรมในสงฆ์ ฯ
อุปสัมปทาเปกขะจะส
ำเร็จเป็นพระภิกษุได้ เมื่อพระกรรมวาจาจารย์ส บาลีบทใด ?
ถึงบทว่าโส ภาเสยฺย ท้ายอนุสาวนาที่ ๓ ฯ
อธิบายว่า กิริยาที่ให้ประนีประนอมกันทั้ง
๒ ฝ่าย ไม่ต้อง หาความเดิม เป็นดังกลบไว้ด้วยหญ้า ฯ ใช้ระงับอาปัตตาธิกรณ์ที่ยุ
ไม่รู้จบและเป็นเรื่องสคัญอันจะเป็นเครื่องกระเทือนทั่วไป ำ เว้นครุกาบ
อาบัติที่เนื่องด้วยคฤหัสถ์ ฯ
ลิงคนาสนา คืออะไร ? บุคคลที่ทรงพระอนุญาตให้ท ำลิงคนาส กี่ประเภท ? ใครบ้าง
?
คือ การให้ฉิบหายเสียจากเพศ ฯ มี ๓ ประเภท ฯ
คือ ภิกษุต้องอันติมวัตถุแล้ว ยังปฏิญญาตนเป็นภิกษุ ๑
บุค ไม่ขึ้น ได้รับอุปสมบทแต่สงฆ์ ๑ สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์ ๑
ผู้มักผลาญชีวิตเป็นต้น ๑ ฯ
ศาสนสมบัติมีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? การจะน ำผลประโยชน์จ ศาสนสมบัติไปใช้จ่าย
มีหลักเกณฑ์อย่างไร ?
มี ๒ ประเภท ฯ
คือ ศาสนสมบัติกลาง และ
ศาสนสมบัติวัด ฯ
มีหลักเกณฑ์อย่างนี้คือ ศาสนสมบัติกลาง
ใช้จ่ายในกิจการของส ตามพระวินัยโดยอนุมัติของสงฆ์ ศาสนสมบัติวัด ใช้จ่ายในกิ
วัดนั้น ๆ แต่จะน ำศาสนสมบัติของวัดหนึ่งไปใช้อีกวัดหนึ่งไม่
๑๐. สามารถโอนได้ ฯ
มีหลักปฏิบัติตามความในมาตรา ๓๔
แห่งพระราชบัญญัติคณะส
พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที พ.ศ. ๒๕๓๕ (มาตรา ๓๔
การโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ ที่ศาสนสมบัติกลาง ให้กระท
ำได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ เว้นแต ตามวรรคสอง
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น