ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์ ที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
๑. พระพุทธดำรัสตอนหนึ่งว่า
"สูทั้งหลายจงมาดูโลกนี้อันตระการดุจราชรถ" ดังนี้
โดยมีพระพุทธประสงค์อย่างไร?
ตอบ
มีพระพุทธประสงค์เพื่อทรงชักชวนแนะนำให้ดูถึงโทษประโยชน์มิใช่ประโยชน์ของโลก
เช่นเดียวกับดูละคร มิให้หลงชมความสวยงามต่างๆ แต่ให้เพ่งดูคติที่ดีและชั่ว
มีให้เมามัวไปตามสิ่งนั้น ดังตรัสต่อไปอีกว่า เป็นที่คนเขลาหมกอยู่
แต่ผู้รู้หาข้อติดไม่ ฯ
๒. ความอยากที่เข้าลักษณะเป็นตัณหา
และไม่เป็นตัณหานั้น ได้แก่ความอยากเช่นไร เพราะเหตุไร?
ตอบ
ความอยากที่เข้าลักษณะทำให้เกิดในภพอีก ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดี
เพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ อย่างนี้จัดเป็นตัณหา เพราะเป็นทุกขสมุทัย
เหตุให้ทุกข์เกิด ส่วนความอยากที่มีอยู่โดยปกติธรรมดาของคนทุกคน
แม้กระทั่งพระอริยเจ้า เช่นความอยากข้าว อยากน้ำเป็นต้น ไม่จัดว่าเป็นตัณหา
เพราะเป็นความอยากที่เป็นไปตามธรรมดาของสังขาร ฯ
๓. การกำหนดรู้ความเป็นอนัตตาแห่งสังขารด้วยความเป็นสภาพสูญนั้นคือ
รู้อย่างไร?
ตอบ
รู้จักพิจารณากำหนดเห็นสังขารกระจายเป็นส่วนย่อยๆ จากฆนคือก้อนจนเห็นเป็นความว่าง
ถอนฆนสัญญาความสำคัญหมายว่าเป็นก้อน อันได้แก่ ความถือเอาโดยนิมิต ว่าเรา ว่าเขา ว่าผู้นั้น ว่าผู้นี้ เสียได้ ฯ
๔. วิราคะในพระบาลีว่า
“วิราโค เสฏฺโฐ ธมฺมานํ วิราคะประเสริฐกว่าธรรมทั้งหลาย” และในพระบาลีว่า “วิราคา วิมุจฺจติ
เพราะสิ้นกำหนัดย่อมหลุดพ้น” ต่างกันอย่างไร?
ตอบ
วิราคะในพระบาลีแรกเป็นไวพจน์คือคำแทนชื่อพระนิพพาน
วิราคะในพระบาลีหลังเป็นชื่อของพระอริยมรรค
ฯ
๕. บาลีแสดงปฏิปทาแห่งสันติว่า
“โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข” แปลว่า
ผู้เพ่งความสงบพึงละอามิสในโลกเสีย ดังนี้ คำว่า อามิสในโลกหมายถึงอะไร? ที่เรียกอย่างนั้นเพราะเหตุไร?
ตอบ
หมายถึงเบญจพิธกามคุณ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ ฯ ที่เรียกอย่างนั้น เพราะเป็นเครื่องล่อใจให้ติดในโลก
ดุจเหยื่ออันเบ็ดเกี่ยวอยู่ฉะนั้น ฯ
๖. กัมมัฏฐานที่พระอุปัชฌาย์สอนแก่ผู้บรรพชาอุปสมบทว่า
เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา นั้น จัดเข้าในสติปัฏฐานข้อใด? ให้พิจารณาอย่างไร?
ตอบ
จัดเข้าในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ฯ
ให้พิจารณาน้อมใจให้เห็นเป็นของน่าเกลียดปฏิกูล
ทั้งในกายตน ทั้งในกายผู้อื่น ฯ
๗. กายคตาสติกัมมัฏฐานกับอสุภกัมมัฏฐาน
มีอารมณ์ต่างกันอย่างไร? แก้นิวรณ์ข้อใดได้?
ตอบ กายคตาสติกัมมัฏฐาน มีอาการ ๓๒
ในร่างกายเป็นอารมณ์
อสุภกัมมัฏฐาน
มีซากศพเป็นอารมณ์ ฯ
แก้กามฉันทนิวรณ์
ฯ
๘. จงแสดงพระพุทธคุณ
๙ โดยอัตตสมบัติและปรหิตปฏิบัติ พอได้ใจความ
ตอบ
พระพุทธคุณ คือ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู
เป็นพระพุทธคุณส่วนอัตตสมบัติ
พระพุทธคุณ คือ อนุตฺตโร
ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นพระพุทธคุณส่วนปรหิตปฏิบัติ
พระพุทธคุณ คือ พุทฺโธ ภควา
เป็นพระพุทธคุณทั้งอัตตสมบัติและปรหิตปฏิบัติ ฯ
๙. ปัญญารู้เห็นอย่างไร
ชื่อว่าวิปัสสนาปัญญา?
ตอบ
ปัญญาอันเห็นตามเป็นจริง คือกำหนดรู้สังขารโดยความเป็นของไม่เที่ยง ๑
โดยความเป็นทุกข์ ๑ โดยความเป็นอนัตตา ๑ ถอนความถือมั่นด้วยอำนาจตัณหา มานะ
ทิฏฐิเสียได้ ชื่อว่าวิปัสสนาปัญญา ฯ
๑๐. ในสัญญา
๑๐ ข้อที่ ๕ ว่าปหานสัญญา ความสำคัญหรือความใส่ใจในการละ ขอทราบว่า
ทรงสอนให้ละอะไรบ้าง?
ตอบ
ทรงสอนให้ละ
๑. กามวิตก
๒. พยาบาทวิตก
๓. วิหิงสาวิตก
๔. ธรรมอันเป็นบาปเป็นอกุศล
ทั้ง
๔ นี้ ที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เกิดขึ้นอีก ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น