ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๖
๑.
|
๑.๑
|
สังฆกรรมมีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
|
|
๑.๒
|
ในสีมาเดียวกัน ภิกษุจะประชุมกันทำสังฆกรรมวันหนึ่ง ๒
ครั้งไม่ได้ ข้อนี้มีความจริงเป็นอย่างไร ? จงอธิบาย
|
๑.
|
๑.๑
|
มี ๔
อย่าง คือ
๑) อปโลกนกรรม
๒) ญัตติกรรม
๓) ญัตติทุติยกรรม
๔) ญัตติจตุตถกรรม
ฯ
|
|
๑.๒
|
มีความจริงเป็นอย่างนี้
คือ สังฆกรรมบางอย่าง เช่น อุโบสถ
ปวารณา ภิกษุอยู่ในสีมาเดียวกัน จะต้องพร้อมเพรียงกันทำ จะแยกกันทำ ๒ พวก ๒ ครั้งไม่ได้
แต่สังฆกรรมบางอย่าง เช่น อุปสมบทกรรม อัพภานกรรม จะทำวันเดียวหลายครั้งก็ได้ ฯ
|
๒.
|
๒.๑
|
สีมามีกี่ประเภท
? อะไรบ้าง ?
|
|
๒.๒
|
แดนที่มีสังวาสเสมอกันเรียกว่าอะไร
? มีประโยชน์อย่างไร ?
|
๒.
|
๒.๑
|
มี ๒
ประเภท คือ
๑) พัทธสีมา
๒) อพัทธสีมา ฯ
|
|
๒.๒
|
เรียกว่า สมานสังวาสสีมา ฯ
|
|
|
มีประโยชน์อย่างนี้ คือ
ภิกษุผู้อยู่ในเขตนี้
มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ ปวารณา และสังฆกรรมร่วมกัน เป็นแดนที่กำหนดความพร้อมเพรียง ภิกษุผู้อยู่ในสีมานี้ทั้งหมดเข้าประชุมกันเป็นสงฆ์ หรือนำฉันทะของภิกษุ
ผู้ไม่มาเข้าประชุม เรียกว่าสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ฯ |
๓.
|
๓.๑
|
การทักนิมิตในทิศทั้ง
๘ นั้น ทักทิศละหนถูกต้องหรือไม่ ? เพราะเหตุไร
?
|
|
๓.๒
|
จงเขียนคำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มาดู ?
|
๓.
|
๓.๑
|
ไม่ถูกต้อง
ฯ
ที่ถูกต้องนั้นเมื่อเริ่มต้นทักนิมิตในทิศบูรพาแล้ว ทักมา
โดยลำดับจนถึงนิมิตสุด ต้องวนไปทักนิมิตในทิศบูรพาซ้ำอีก ฯ |
|
๓.๒
|
คำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือว่าดังนี้ “ อุตฺตราย อนุทิสาย
กึ นิมิตฺตํ ” ฯ
|
๔.
|
๔.๑
|
คำว่า “ กฐิน ” เป็นชื่อของอะไร ? มีชื่อเรียกอย่างนั้นเพราะเหตุไร
?
|
|
๔.๒
|
การกรานกฐินนั้น มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ?
|
๔.
|
๔.๑
|
เป็นชื่อของสังฆกรรมอย่างหนึ่ง
ฯ
เพราะมีชื่อออกจากไม้สะดึงที่ลาดหรือกางออก เพื่อขึงจีวรเย็บ ฯ
|
|
๔.๒
|
มีวิธีปฏิบัติอย่างนี้
คือ เมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในกาลเช่นนั้นพอจะทำเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้
สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อประโยชน์นี้
ภิกษุผู้ได้รับผ้านั้นเอาไปทำจีวรให้เสร็จในวันนั้น
แล้วมาบอกภิกษุผู้ยกผ้านั้นให้เพื่ออนุโมทนา ภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนา ฯ
|
๕.
|
๕.๑
|
ศัพท์ว่า “ บรรพชา ” มีอธิบายว่าอย่างไร ?
|
|
๕.๒
|
นอกจากคนมีอายุไม่ครบ
๒๐ ปีบริบูรณ์ และอภัพพบุคคลแล้ว ยังมีบุคคลจำพวกไหนอีกบ้างที่ห้ามไม่ให้อุปสมบท
?
|
๕.
|
๕.๑
|
มีอธิบายว่า ศัพท์นี้
หมายเอาการบวชทั่วไป
รวมทั้งอุปสมบทด้วยก็มี
หมายเอาเฉพาะการบวชเป็นบุรพประโยคแห่งอุปสมบทก็มี หมายถึง
การบวชลำพังเป็นสามเณรก็มี ฯ |
|
๕.๒
|
มีบุคคลที่ถูกห้ามไม่ให้อุปสมบทอีก ๓
จำพวก คือ
๑) คนไม่มีอุปัชฌาย์ หรือมีคนอื่นนอกจากภิกษุเป็นอุปัชฌาย์ หรือ
ถือสงฆ์ ถือคณะเป็นอุปัชฌาย์
๒) คนไม่มีบาตร
ไม่มีจีวร หรือไม่มีทั้งบาตรทั้งจีวร
๓) คนยืมบาตร
ยืมจีวรเขามาหรือยืมทั้งบาตรทั้งจีวรเขามา ฯ
|
๖.
|
๖.๑
|
ไตรจีวร
กำหนดให้เรียกผ้านุ่งว่า อันตรวาสก เรียกผ้าห่มว่า อุตตราสงค์ เรียกผ้าทาบว่า
สังฆาฏิ ในเวลาไหนบ้าง ?
|
|
๖.๒
|
ผ้า ๓
ผืนนั้น กำหนดให้เรียกว่า จีวร
ในเวลาไหนบ้าง ?
|
๖.
|
๖.๑
|
ในเวลาดังต่อไปนี้
คือ ในเวลาบอกบาตรจีวรแก่อุปสัมปทาเปกขะ ในเวลาอธิษฐานเป็นผ้าครอง
ในเวลาปัจจุทธรณ์ และในเวลากรานกฐิน ฯ
|
|
๖.๒
|
ในเวลาผ้า ๓
ผืนนั้น
เป็นนิสสัคคีย์เพราะอยู่ปราศ
คำเสียสละเรียกว่าจีวรทุกผืน
และในเวลาผ้าเหล่านั้นเป็นอติเรกจีวร
คำวิกัป คำถอนวิกัป รวมเรียกว่าจีวรทั้งสิ้น ฯ
|
๗.
|
๗.๑
|
สัมมุขาวินัยสำหรับระงับวิวาทาธิกรณ์นั้น
มีวิธีอย่างไร ?
|
|
๗.๒
|
อธิกรณ์ที่ภิกษุจะพึงยกขึ้นว่านั้น
ต้องเป็นเรื่องที่มีมูล ก็เรื่องที่มูลนั้นมีลักษณะเช่นไร ?
|
๗.
|
๗.๑
|
มีวิธีอย่างนี้ คือ
๑) ด้วยการตกลงกันเอง
๒) ด้วยการตั้งผู้วินิจฉัย
๓) ด้วยอำนาจแห่งสงฆ์
|
|
๗.๒
|
มีลักษณะ ๓
ประการ คือ
๑) เรื่องที่ได้เห็นเอง
๒) เรื่องที่ได้ยินเอง หรือมีผู้บอกและเชื่อว่าเป็นจริง
๓) เรื่องที่เว้นจาก ๒
สถานนั้น แต่รังเกียจโดยอาการ ฯ
|
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕, (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕
|
||
๘.
|
๘.๑
|
องค์กรการปกครองคณะสงฆ์สูงสุด คืออะไร ?
|
|
๘.๒
|
ตามมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
กำหนดองค์ประกอบขององค์กรนั้นไว้อย่างไร ?
|
๘.
|
๘.๑
|
คือ มหาเถรสมาคม ฯ
|
|
๘.๒
|
กำหนดไว้ดังนี้
สมเด็จพระสังฆราช
ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง
สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป
เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และ
พระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง มีจำนวนไม่เกิน ๑๒ รูปเป็นกรรมการ ฯ |
๙.
|
๙.๑
|
ภิกษุรูปหนึ่งต้องคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย ภิกษุนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างไร ? ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตราไหน ?
|
|
๙.๒
|
ถ้าภิกษุนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะถูกลงโทษอย่างไร
?
|
๙.
|
๙.๑
|
ภิกษุนั้นต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ฯ ตามมาตรา
๒๘
แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ |
|
๙.๒
|
ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ตามมาตรา
๔๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ
|
๑๐.
|
๑๐.๑
|
ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์
และที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่สถานที่เช่นไร ?
|
|
๑๐.๒
|
เจ้าพนักงาน ตามความในประมวลกฎหมายอาญา ในพระราชบัญญัติ
คณะสงฆ์ได้แก่ใคร ? |
๑๐.
|
๑๐.๑
|
ที่วัด ได้แก่ที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น
ที่ธรณีสงฆ์ ได้แก่ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด
ที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่ที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่
ของวัดใดวัดหนึ่ง ฯ |
|
๑๐.๒
|
ได้แก่พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกร ฯ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น