ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๖
๑.
|
๑.๑
|
สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์ เรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
|
|
๑.๒
|
ภิกษุล่วงละเมิดสิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์นั้น ต้องอาบัติโดยตรงอย่างไรบ้าง ?
|
๑.
|
๑.๑
|
เรียกว่าอภิสมาจาร ฯ
มี ๒
อย่าง คือ เป็นข้อห้าม ๑ เป็นข้ออนุญาต ๑ ฯ
|
|
๑.๒
|
ต้องอาบัติโดยตรง ๒
อย่าง คือ ถุลลัจจัย ๑
ทุกกฏ ๑ ฯ
|
๒.
|
บริขารต่อไปนี้ได้แก่อะไรบ้าง
?
|
|
|
๒.๑
|
บริขารเครื่องบริโภค
|
|
๒.๒
|
บริขารเครื่องอุปโภค
|
๒.
|
๒.๑
|
ได้แก่ ไตรจีวร
ผ้าปูนอน
ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก
ผ้านิสีทนะ บาตร ฯ
|
|
๒.๒
|
ได้แก่ กล่องเข็ม
เครื่องกรองน้ำ
มีดโกนพร้อมทั้งฝัก
หินสำหรับลับ
กับเครื่องสะบัด ร่ม รองเท้า ฯ
|
๓.
|
๓.๑
|
การแสดงความเคารพได้แก่กิริยาเช่นไร
?
|
|
๓.๒
|
ภิกษุควรงดทำความเคารพกันในเวลาใดบ้าง
? จงตอบมา ๕
ข้อ
|
๓.
|
๓.๑
|
ได้แก่ การกราบไหว้
การลุกรับ การทำอัญชลี การทำสามีจิกรรม ฯ
|
|
๓.๒
|
ในเวลาดังต่อไปนี้
(ตอบมา ๕ ข้อ)
๑) ในเวลาประพฤติวุฏฐานวิธี คือ
อยู่กรรมเพื่อออกจากอาบัติสังฆาทิเสส
๒) ในเวลาถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม
๓) ในเวลาเปลือยกาย
๔) ในเวลาเข้าบ้านหรือเดินอยู่ตามทาง
๕) ในเวลาอยู่ในที่มืดแลไม่เห็นกัน
๖) ในเวลาที่ท่านไม่รู้
๗) ในเวลาขบฉันอาหาร
๘) ในเวลาถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ฯ
|
๔.
|
๔.๑
|
ท่านห้ามไม่ให้จำพรรษาตลอด ๔
เดือนฤดูฝนนั้น เพราะเหตุไร ?
|
|
๔.๒
|
อีก
๗ วันจะถึงวันปวารณา ภิกษุทำสัตตาหกรณียะไปปวารณาที่วัดอื่น เธอจะได้รับอานิสงส์การจำพรรษาหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?
|
๔.
|
๔.๑
|
เพราะต้องการเดือนท้ายฤดูฝนไว้เป็นจีวรกาล
คราวแสวงหาจีวร คราวทำจีวร เพื่อผลัด ผ้าไตรจีวรเดิม ฯ
|
|
๔.๒
|
ได้รับอานิสงส์การจำพรรษาเหมือนกัน เพราะวันสุดท้ายแห่งวันจำพรรษาตกอยู่ในวันที่ ๗ ในที่อื่นบ่งให้กลับใน ๗ วันนั้นเพราะยังไม่สิ้นกำหนดวันจำพรรษา ฯ
|
๕.
|
๕.๑
|
ภิกษุพึงประชุมกันสวดพระปาฏิโมกข์ในวันเช่นไรบ้าง
?
|
|
๕.๒
|
กำลังสวดพระปาฏิโมกข์ค้างอยู่ หากมีภิกษุอื่นมาถึงเข้าจะปฏิบัติอย่างไร ?
|
๕.
|
๕.๑
|
ในวันพระจันทร์เพ็ญ (ดิถีขึ้น ๑๕ ค่ำ) วันพระจันทร์ดับ (ดิถีแรม ๑๕ ค่ำ หรือ ๑๔
ค่ำ) และวันสามัคคี
ฯ
|
|
๕.๒
|
ปฏิบัติอย่างนี้ คือ
ถ้าภิกษุผู้เข้ามาใหม่มากกว่าภิกษุผู้ชุมนุม ต้องสวดตั้งต้นใหม่ ถ้าเท่ากัน
หรือน้อยกว่า
ส่วนที่สวดไปแล้วก็ให้เป็นอันสวดแล้ว
ให้เธอผู้มาใหม่ฟัง ส่วนที่ยังเหลือต่อไป
ฯ
|
๖.
|
๖.๑
|
สังฆปวารณา คืออะไร ?
|
|
๖.๒
|
คำบอกปาริสุทธิว่าอย่างไร ?
|
๖.
|
๖.๑
|
คือ ปวารณาเป็นการสงฆ์ มีภิกษุประชุมตั้งแต่ ๕
รูปขึ้นไป ฯ
|
|
๖.๒
|
ว่าดังนี้
สำหรับผู้แก่พรรษากว่าว่า “ปริสุทฺโธ อหํ อาวุโส ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรหิ” ว่า ๓ หน
สำหรับผู้อ่อนพรรษากว่าว่า “ปริสุทฺโธ อหํ ภนฺเต
ปริสุทฺโธติ
มํ ธาเรถ” ว่า ๓ หน ฯ |
๗.
|
ความประพฤติต่อไปนี้ จัดเข้าในอุปปถกิริยาข้อไหน ?
|
|
|
๗.๑
|
ชอบเล่นคะนอง ร้องรำทำเพลง
|
|
๗.๒
|
ชอบด่าว่า เสียดสี
เปรียบเปรยเขา ยุยงให้เขาแตกกัน
|
๗.
|
๗.๑
|
จัดเข้าในข้ออนาจาร ความประพฤติไม่ดีไม่งาม ฯ
|
|
๗.๒
|
จัดเข้าในข้อปาปสมาจาร ความประพฤติเลวทราม ฯ
|
๘.
|
๘.๑
|
อุททิสมังสะ ได้แก่เนื้อเช่นไร ?
|
|
๘.๒
|
ภิกษุฉันเนื้องู เนื้อมนุษย์
ต้องอาบัติอะไร ?
|
๘.
|
๘.๑
|
อุททิสมังสะ ได้แก่เนื้อที่เป็นกัปปิยะโดยกำเนิดและเขาทำให้สุกแล้ว แต่เป็นของที่เขาฆ่าเพื่อทำเป็นอาหารถวายพระภิกษุโดยตรง
ฯ
|
|
๘.๒
|
ภิกษุฉันเนื้องู ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ ฉันเนื้อมนุษย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ
|
๙.
|
๙.๑
|
วินัยกรรม คืออะไร ? มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ?
|
|
๙.๒
|
การทำวินัยกรรมมีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ไว้อย่างไรบ้าง
?
|
๙.
|
๙.๑
|
คือ
การทำกิจตามพระวินัย ฯ
มี
๓ อย่าง คือ
๑) การแสดงอาบัติ
๒) การอธิษฐาน
๓) การวิกัป
ฯ
|
|
๙.๒
|
มีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ดังนี้
๑) แสดงอาบัติต้องแสดงแก่ภิกษุผู้มีสังวาสเสมอกัน
๒) อธิษฐานต้องทำเอง
๓) วิกัปต้องทำแก่สหธรรมิกทั้ง ๕ คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา
|
๑๐.
|
๑๐.๑
|
วิบัติของภิกษุในทางพระวินัยมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
|
|
๑๐.๒
|
จงให้ความหมายของวิบัติแต่ละอย่างนั้นพอได้ใจความ
|
๑๐.
|
๑๐.๑
|
มี
๔ คือ
๑) สีลวิบัติ
๒) อาจารวิบัติ
๓) ทิฏฐิวิบัติ
๔) อาชีววิบัติ ฯ
|
|
๑๐.๒
|
ความเสียแห่งศีล ชื่อว่าสีลวิบัติ
ความเสียมารยาท ชื่อว่าอาจารวิบัติ
ความเห็นผิดธรรมผิดวินัย ชื่อว่าทิฏฐิวิบัติ
ความเสียแห่งการเลี้ยงชีพ ชื่อว่าอาชีววิบัติ ฯ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น