ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม
นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันศุกร์
ที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
๑. มูลกัมมัฏฐาน คืออะไร ? เจริญอย่างไรเป็นอารมณ์ของสมถะ ?
เจริญอย่างไรเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา
?
๑. คือ กัมมัฏฐานเดิม ได้แก่ เกสา
โลมา นขา ทันตา ตโจ ที่พระอุปัชฌาย์
สอนก่อนบรรพชา ฯ
สอนก่อนบรรพชา ฯ
ถ้าเพ่งกำหนดให้จิตสงบด้วยภาวนา
จัดเป็นอารมณ์ของสมถะ ถ้ายกขึ้น
พิจารณาแยกออกเป็นส่วนๆ ให้เห็นตามความเป็นจริงโดยสามัญลักษณะ
จัดเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา ฯ
พิจารณาแยกออกเป็นส่วนๆ ให้เห็นตามความเป็นจริงโดยสามัญลักษณะ
จัดเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา ฯ
๒. ปฏิสันถาร คืออะไร ? จงแสดงวิธีปฏิสันถารตามความรู้ที่ได้ศึกษามา
?
๒. คือ
การต้อนรับผู้มาเยือนด้วยการพูดจาปราศรัย หรือด้วยการรับรอง
ด้วยของ ต้อนรับตามสมควรด้วยไมตรีจิต ฯ
ด้วยของ ต้อนรับตามสมควรด้วยไมตรีจิต ฯ
ปฏิสันถารที่ได้ศึกษามามี ๒
อย่าง คือ
๑. อามิสปฏิสันถาร ปฏิสันถารด้วยสิ่งของ ได้แก่การจัดหาวัตถุ
สิ่งของต้อนรับ เช่น ข้าว น้ำ หรือที่พัก เป็นต้น
สิ่งของต้อนรับ เช่น ข้าว น้ำ หรือที่พัก เป็นต้น
๒. ธัมมปฏิสันถาร ปฏิสันถารด้วยธรรม ได้แก่การแสดงการ
ต้อนรับตามความเหมาะสมแก่ผู้มาเยือน หรือการให้คำแนะนำ
ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น ฯ
ต้อนรับตามความเหมาะสมแก่ผู้มาเยือน หรือการให้คำแนะนำ
ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น ฯ
๓. อกุศลวิตก ๓ มีโทษอย่างไร ? แก้ด้วยวิธีอย่างไร ?
๓. กามวิตก ทำใจให้เศร้าหมอง
เป็นเหตุให้มัวเมาติดอยู่ในกามสมบัติ
พยาบาทวิตก
ทำให้เดือดร้อนกระวนกระวายใจ
คิดทำร้ายผู้อื่น
วิหิงสาวิตก ย่อมครอบงำจิต
ให้คิดเบียดเบียนผู้อื่นโดยเห็นแก่
ประโยชน์สุขส่วนตัว ฯ
กามวิตก แก้ด้วยการเจริญกายคตาสติและอสุภกัมมัฏฐาน
พยาบาทวิตก แก้ด้วยการเจริญเมตตาพรหมวิหาร
วิหิงสาวิตก แก้ด้วยการเจริญกรุณาพรหมวิหารและโยนิโสมนสิการ
ฯ
๔. พรหมวิหารกับอัปปมัญญา ต่างกันอย่างไร ? อย่างไหนเป็นปฏิปทา
โดยตรงของภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ?
โดยตรงของภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ?
๔. ต่างกันโดยวิธีแผ่ คือ แผ่โดยเจาะจงตัวก็ดี
โดยไม่เจาะจงตัวก็ดี แต่
ยังจำกัดหมู่นั้นหมู่นี้จัดเป็นพรหมวิหาร ถ้าแผ่โดยไม่เจาะจงไม่จำกัด
จัดเป็นอัปปมัญญา ฯ
ยังจำกัดหมู่นั้นหมู่นี้จัดเป็นพรหมวิหาร ถ้าแผ่โดยไม่เจาะจงไม่จำกัด
จัดเป็นอัปปมัญญา ฯ
อัปปมัญญาเป็นปฏิปทาของภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
ฯ
๕. ทักขิณา
คืออะไร ? ทักขิณานั้น
จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ มีอะไร
เป็นเครื่องหมาย ?
เป็นเครื่องหมาย ?
๕. คือ
ของทำบุญ ฯ
มีกัลยาณธรรมของทายก หรือปฏิคาหกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เป็นเครื่องหมาย
ให้รู้ว่า บริสุทธิ์ และมีความเป็นผู้ทุศีลและอธรรม ของทายกหรือ
ปฏิคาหกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่า ไม่บริสุทธิ์ ฯ
ให้รู้ว่า บริสุทธิ์ และมีความเป็นผู้ทุศีลและอธรรม ของทายกหรือ
ปฏิคาหกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่า ไม่บริสุทธิ์ ฯ
๖. มาร คืออะไร ? เฉพาะอภิสังขารมาร หมายถึงอะไร ?
๖. คือ สิ่งที่ล้างผลาญทำลายความดี
ชักนำให้ทำบาปกรรม ปิดกั้นไม่ให้ทำ
ความดี จนถึงปิดกั้นไม่ให้เข้าใจสรรพสิ่งตามความเป็นจริง ฯ
ความดี จนถึงปิดกั้นไม่ให้เข้าใจสรรพสิ่งตามความเป็นจริง ฯ
หมายถึง อกุศลกรรม ฯ
๗. พระธรรมคุณบทใด มีความหมายตรงกับคำว่า “ท้าให้มาพิสูจน์ได้” ?
พระธรรมคุณบทนั้น มีอธิบายว่าอย่างไร ?
พระธรรมคุณบทนั้น มีอธิบายว่าอย่างไร ?
๗. บทว่า เอหิปัสสิโก ฯ
มีอธิบายว่า
พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถที่จะให้พิสูจน์
ได้ทุกเวลาและสามารถนำไปประพฤติในชีวิตประจำวันเพื่อประโยชน์
สุขได้ ฯ
ได้ทุกเวลาและสามารถนำไปประพฤติในชีวิตประจำวันเพื่อประโยชน์
สุขได้ ฯ
๘. บารมี คืออะไร ? อธิษฐานบารมี คือการทำอย่างไร ?
๘. ปฏิปทาอันยิ่งยวด
หรือคุณธรรมที่ประพฤติอย่างยิ่งยวด ได้แก่ ความดี
ที่บำเพ็ญอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด ฯ
ที่บำเพ็ญอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด ฯ
คือความตั้งใจมั่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
วางจุดหมายแห่งการกระทำของตน
ไว้แน่นอนและดำเนินตามนั้นอย่างแน่วแน่ ฯ
ไว้แน่นอนและดำเนินตามนั้นอย่างแน่วแน่ ฯ
๙. คำต่อไปนี้มีความหมายอย่างไร ?
ก. ชนกกรรม
ข. อุปัตถัมภกกรรม
ค. ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม
ง. อุปปัชชเวทนียกรรม
จ. กตัตตากรรม
๙.
ก. กรรมแต่งให้เกิด
ข. กรรมสนับสนุน
ค. กรรมให้ผลในภพนี้
ง. กรรมให้ผลในภพหน้า
จ. กรรมสักว่าทำ
คือกรรมที่ทำด้วยไม่จงใจ ฯ
๑๐. ธุดงค์
ท่านบัญญัติไว้เพื่อประโยชน์อะไร ? อารัญญิกังคธุดงค์ คือการ
ถือปฏิบัติอย่างไร ?
ถือปฏิบัติอย่างไร ?
๑๐. เพื่อเป็นอุบายขัดเกลากิเลส
และเป็นไปเพื่อความมักน้อยสันโดษ ฯ
คือ การถืออยู่ป่าเป็นวัตร
หมายถึงการพักอาศัยปฏิบัติธรรมอยู่ในป่า
หรือ บริเวณป่าและจะต้องห่างจากบ้านคนอย่างน้อย ๒๕ เส้น หรือ
๕๐๐ ชั่วธนู ฯ
หรือ บริเวณป่าและจะต้องห่างจากบ้านคนอย่างน้อย ๒๕ เส้น หรือ
๕๐๐ ชั่วธนู ฯ
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น