ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันศุกร์ ที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๔๙
๑. อุทเทสแห่งนิพพิทา ดังต่อไปนี้ มีความหมายว่าอย่างไร
?
ก.
คนเขลา
ข. ผู้รู้
ค. หมกอยู่
ง. หาข้องอยู่ไม่
จ. โลกนี้
๑. ก. คนผู้ไร้วิจารณญาณ
ข.
ผู้รู้โลกตามความเป็นจริง
ค.
เพลิดเพลินหลงติดอยู่ในสิ่งอันมีโทษ
ง.
ไม่พัวพันในสิ่งล่อใจ
จ.
โดยตรง ได้แก่แผ่นดินเป็นที่อยู่อาศัย โดยอ้อม ได้แก่หมู่สัตว์
ผู้อาศัย ฯ
๒. อุทเทสว่า “เย จิตฺตํ
สญฺเมสฺสนฺติ
โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา” นั้น
การสำรวมจิตทำอย่างไร ?
การสำรวมจิตทำอย่างไร ?
๒. การสำรวมจิตมี ๓ วิธี คือ
๑. สำรวมอินทรีย์มิให้ความยินดีครอบงำ
ในเมื่อเห็นรูป ฟังเสียง
ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา
ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา
๒. มนสิการกัมมัฏฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันท์
คือ อสุภะ
กายคตาสติ และมรณสติ
กายคตาสติ และมรณสติ
๓. เจริญวิปัสสนา
พิจารณาสังขารให้เห็นเป็น อนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา ฯ
อนัตตา ฯ
๓. สังขารในไตรลักษณ์กับในขันธ์ ๕ ต่างกันอย่างไร ?
๓. สังขารในไตรลักษณ์
หมายเอารูปธรรมและนามธรรมทั้งหมดที่ปัจจัย
ปรุงแต่งขึ้น ส่วนสังขารในขันธ์ ๕ หมายเอาเจตสิกธรรมที่ปรุงแต่งจิต
ให้มีอาการต่างๆ เว้นเวทนาและสัญญา ฯ
ปรุงแต่งขึ้น ส่วนสังขารในขันธ์ ๕ หมายเอาเจตสิกธรรมที่ปรุงแต่งจิต
ให้มีอาการต่างๆ เว้นเวทนาและสัญญา ฯ
๔. ปกิณกทุกข์ คืออะไร ? จะบรรเทาได้ด้วยวิธีอย่างไร ?
๔. คือ ทุกข์จร เช่น ความเศร้าโศกเสียใจ
ความร่ำไรบ่นเพ้อรำพัน ความ
ไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความประสบสิ่งที่
ไม่พึง ปรารถนา ความพลัดพรากจากของรัก ความผิดหวังเป็นต้น ฯ
ไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความประสบสิ่งที่
ไม่พึง ปรารถนา ความพลัดพรากจากของรัก ความผิดหวังเป็นต้น ฯ
จะบรรเทาได้ด้วยการมีสติ
ใช้ปัญญาพิจารณา รู้จักปลงรู้จักปล่อยวาง
ไม่ยึดมั่นถือมั่น ฯ
ไม่ยึดมั่นถือมั่น ฯ
๕. อาหารปริเยฏฐิทุกข์ คืออะไร ? จะบรรเทาได้ด้วยวิธีอย่างไร ?
๕. คือ
ทุกข์ในการหาเลี้ยงชีพ
เช่น ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เมื่อผลประโยชน์
ขัดกัน ก็ทะเลาะกัน และเมื่อยิ่งแสวงหามากก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์มาก ฯ
ขัดกัน ก็ทะเลาะกัน และเมื่อยิ่งแสวงหามากก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์มาก ฯ
จะบรรเทาได้ด้วยการขยันประหยัดอดทนและ
อดออม เป็นอยู่ด้วยปัจจัย
เครื่องเลี้ยงชีพเท่าที่จำเป็น ตัดสิ่งฟุ้งเฟ้อที่ไม่จำเป็นออกไป ยินดีเท่าที่ตน
มีอยู่โดยยึดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำรงชีวิต ฯ
เครื่องเลี้ยงชีพเท่าที่จำเป็น ตัดสิ่งฟุ้งเฟ้อที่ไม่จำเป็นออกไป ยินดีเท่าที่ตน
มีอยู่โดยยึดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำรงชีวิต ฯ
๖. พระบาลีว่า “ภิกษุ เธอจงวิดเรือนี้ เรือที่เธอวิดแล้ว จักพลันถึง”
จงให้ความหมายคำต่อไปนี้ ให้ถูกต้องตามพระบาลีนั้น ?
จงให้ความหมายคำต่อไปนี้ ให้ถูกต้องตามพระบาลีนั้น ?
ก. เรือนี้
ข. จงวิด (วิดอะไร)
ค. เรือที่วิดแล้ว
ง. จักพลันถึง (ถึงอะไร)
จ. เรือจักไม่จมใน........
๖. ก. อัตภาพร่างกาย
ข. วิดน้ำ คือมิจฉาวิตก
ค. อัตภาพที่บรรเทากิเลสให้เบาบางลง
ง. ถึงท่า คือพระนิพพาน
จ. ในสังสารวัฏ ฯ
๗. คนสัทธาจริตและคนวิตกจริต
มีลักษณะอย่างไร ? ควรเจริญกัมมัฏฐาน
อะไร ?
อะไร ?
๗. คนสัทธาจริต มีลักษณะเชื่อง่ายขาดเหตุผล
คนวิตกจริต มีลักษณะ
คิดมาก ฟุ้งซ่าน ฯ
คิดมาก ฟุ้งซ่าน ฯ
คนสัทธาจริตควรเจริญอนุสสติ
๖ ข้างต้น คนวิตกจริตควรเจริญอานาปานสติ ฯ
๘. กายคตาสติกัมมัฏฐานกับอสุภกัมมัฏฐาน
ต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร ?
จงอธิบาย
จงอธิบาย
๘. ต่างกันที่อารมณ์ คือ กายคตาสติ
พิจารณาอาการภายในของตนเป็น
อารมณ์อสุภ พิจารณาซากศพเป็นอารมณ์ ฯ
อารมณ์อสุภ พิจารณาซากศพเป็นอารมณ์ ฯ
เหมือนกันตรงที่พิจารณาให้เห็นเป็นปฏิกูล
ไม่งามเหมือนกันและเป็น
ปฏิปักษ์ต่อกามฉันทะ อีกทั้งเป็นเครื่องกำจัดวิปลาส ข้อที่เห็นว่า
สวยงามในสิ่งที่ไม่สวยงามได้เหมือนกัน ฯ
ปฏิปักษ์ต่อกามฉันทะ อีกทั้งเป็นเครื่องกำจัดวิปลาส ข้อที่เห็นว่า
สวยงามในสิ่งที่ไม่สวยงามได้เหมือนกัน ฯ
๙. จงแสดงวิธีเจริญมุทิตา
พร้อมทั้งอานิสงส์แห่งการเจริญ พอเป็นตัวอย่าง ?
๙. วิธีเจริญมุทิตานั้นดังนี้
เมื่อได้เห็นหรือได้ยินมนุษย์หรือสัตว์ เป็นอยู่
สุขสบาย เจริญรุ่งเรืองด้วยสุขสมบัติ พึงทำจิตใจให้ชื่นชมยินดี แล้ว
แผ่มุทิตาจิตไปว่า สัตว์ผู้นี้หนอบริบูรณ์ยิ่งนัก มีสุขสมบัติมาก จงเจริญ
ยั่งยืนด้วยสุขสมบัติยิ่งๆ เถิด เมื่อเจริญอยู่เนืองๆ ย่อมได้รับอานิสงส์
คือ จะละความริษยาในสมบัติของผู้อื่นได้ ฯ
สุขสบาย เจริญรุ่งเรืองด้วยสุขสมบัติ พึงทำจิตใจให้ชื่นชมยินดี แล้ว
แผ่มุทิตาจิตไปว่า สัตว์ผู้นี้หนอบริบูรณ์ยิ่งนัก มีสุขสมบัติมาก จงเจริญ
ยั่งยืนด้วยสุขสมบัติยิ่งๆ เถิด เมื่อเจริญอยู่เนืองๆ ย่อมได้รับอานิสงส์
คือ จะละความริษยาในสมบัติของผู้อื่นได้ ฯ
๑๐. การทำวัตรสวดมนต์ เป็นกิจวัตรของพระภิกษุสามเณรและเป็นภาวนากุศล
จงแสดงวิธีเจริญสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในบททำวัตรเช้า
มาดูพอเป็นตัวอย่าง ?
จงแสดงวิธีเจริญสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในบททำวัตรเช้า
มาดูพอเป็นตัวอย่าง ?
๑๐. การสวดนมัสการพระรัตนตรัยก็ดี
สวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก็ดี
เป็นการน้อมจิตระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ชื่อว่า
เจริญพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จัดเป็นสมถกัมมัฏฐาน ฯ
เป็นการน้อมจิตระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ชื่อว่า
เจริญพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จัดเป็นสมถกัมมัฏฐาน ฯ
สวดสังเวคปริกิตตนปาฐะว่า ชาติปิ
ทุกฺขา ชราปิ ทุกฺขา มรณมฺปิ
ทุกฺขํ... รูปํ อนิจฺจํ เวทนา อนิจฺจา... รูปํ อนตฺตา เวทนา อนตฺตา...
เป็นอาทิ ตั้งสติมีความเพียร ใช้ปัญญาพิจารณาเบญจขันธ์ ยกขึ้นสู่
สามัญลักษณะ จัดเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฯ
ทุกฺขํ... รูปํ อนิจฺจํ เวทนา อนิจฺจา... รูปํ อนตฺตา เวทนา อนตฺตา...
เป็นอาทิ ตั้งสติมีความเพียร ใช้ปัญญาพิจารณาเบญจขันธ์ ยกขึ้นสู่
สามัญลักษณะ จัดเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น